ประวัติ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (อังกฤษ: UEFA Champions League; ชื่อเดิม: ยูโรเปียนคัพ: European Cup) [1] เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสโมสรต่าง ๆ ภายในทวีปยุโรปซึ่งจัดการแข่งขันโดยสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เริ่มการแข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเมื่อปี ค.ศ. 1992 โดยทีมที่ได้อันดับที่ 1-3 ในแต่ละลีกจะได้ไปแข่งโดยอัตโนมัติ ส่วนอันดับที่ 4 จะได้ไปเพลย์ออฟรอบสุดท้ายทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของแต่ละลีกเช่นกันจากการจัดอันดับคะแนนลีกของยูฟ่า
การแข่งขันรายการนี้จะเป็นการนำทีมที่มีคะแนนสะสมมากที่สุดของแต่ละลีกสูงสุดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรปมาแข่งขันกัน โดยพิจารณาออกมาเป็นโควตาของแต่ละลีก พรีเมียร์ลีกจากอังกฤษ ลาลิกาจากสเปน บุนเดิสลีกาจากเยอรมนี และ เซเรียอาจากอิตาลีมีโควตาสี่ทีม ส่วน ลีกเอิงจากฝรั่งเศสมีโควตาสามทีมเป็นต้น ทั้งนี้ สโมสรที่ชนะเลิศมากที่สุด คือ เรอัลมาดริด (สเปน, 13 ครั้ง) อันดับสอง คือ เอซี มิลาน (อิตาลี, 7 ครั้ง) อันดับสาม คือ ลิเวอร์พูล (อังกฤษ, 6 ครั้ง) อันดับสี่ คือ บาเยิร์นมิวนิก (เยอรมนี, 5 ครั้ง) , บาร์เซโลนา (สเปน, 5 ครั้ง)
โดยสโมสรที่ชนะเลิศ 3 สมัยติดต่อกันหรือชนะเลิศครบ 5 สมัย จะได้รับถ้วยรางวัลไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสร เช่นเดียวกับถ้วยรางวัลอื่น ๆ ของยูฟ่า โดยที่ เรอัลมาดริดได้ไปเมื่อ (ค.ศ. 1958), อายักซ์ (ค.ศ. 1973), บาเยิร์นมิวนิก (ค.ศ. 1976), เอซี มิลาน (ค.ศ. 1994), ลิเวอร์พูล (ค.ศ. 2005), บาร์เซโลนา (ค.ศ. 2015)
ในฤดูกาล 2018-19 ล่าสุดสโมสรที่ชนะเลิศ คือ ลิเวอร์พูล และเป็นแชมป์สมัยที่ 6 ในรายการนี้ โดยเอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ไป 2-0 ในช่วง 90 นาทีของนัดชิงชนะเลิศ
การแข่งขันรายการนี้ ใช้ชื่อว่า ยูโรเปียนแชมเปียนคลับส์คัพ (European Champion Club's Cup) หรือชื่อย่อว่า ยูโรเปียนคัพ (European Cup) [2] เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1955 จากคำแนะนำของกาเบรียล อาโน ผู้สื่อข่าวกีฬาชาวฝรั่งเศส และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เลกิป (ฝรั่งเศส: L'Équipe) โดยการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นในฤดูกาล 1955-56 โดยจัดการแข่งขันแบบเหย้าและเยือน ซึ่งกำหนดให้ทีมชนะเลิศในลีกสูงสุดของแต่ละประเทศในทวีปยุโรป จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ จนกระทั่งใน ค.ศ. 1992 ยูฟ่าประกาศเปลี่ยนชื่อรายการยูโรเปียนคัพมาเป็น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงระบบการแข่งขัน ให้ทีมอันดับรองลงไปของแต่ละลีกสามารถเข้าแข่งขันได้ ซึ่งโควตาของแต่ละลีกจะมากน้อยอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับค่าสัมประสิทธิ์ของประเทศนั้นๆ ในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรป [3]
การจัดการแข่งขัน (ฤดูกาล 2015–16)[แก้]
ในการจัดการแข่งขัน สโมสรที่ชนะยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกจะได้สิทธิ์ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติ รวมถึง 7 สโมสรที่เป็นแชมป์ของลีกที่อยู่ในอันดับที่ 1-7 ก็จะได้สิทธิ์ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน แต่ถ้าสโมสรที่ชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นแชมป์ของลีกที่อยู่ในอันดับที่ 1-7 จะให้สโมสรที่เป็นแชมป์ของลีกที่อยู่ในอันดับที่ 8 มาเล่นในรอบแบ่งกลุ่มและได้อยู่โถ 1 โดยอัตโนมัติแทน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น